วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555
เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน ตอนที่ 3 - ประสบการณ์เริ่มต้น
นี้คือกราฟของ KK ต้นทุน 28 เข้าเมื่อเดือน 11 ปี 2011
ประสบการณ์ช้ำใจเคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อผมเองได้ปล่อยของ คือ ADVANC ผมเข้าที่ต้นทุน 8X บาท ช่วงปลายปี 2010 และปล่อยออกไปที่ 13X บาท ซึ่งราคา ณ ปัจจุบันขณะเขียน blog อยู่ที่ 21X บาท เป็นประสบการณ์ช้ำใจ ที่จะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก ถ้าเกิดก็ขอให้เก็บได้อย่างน้อย 1 เด้ง หรือ 1 เด้งครึ่งก็ยังดี
ถ้าราคา KK ถึงเป้า ผมคงขาย เพราะ
1) ปันผลไม่เยอะไม่เกิน 5% ซึ่งคิดว่าจะมองหาบริษัทอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่านี้
2) คิดว่าตอนขาย คงได้ขายช่วงตาดเปลี่ยนเทรนด์จากขาขึ้นเป็นอย่างอื่น และราคาถ้าเป็นไปตามเป้า ก็คงถือว่าได้ขึ้นมาสูงเกินไปแล้ว
3) ตัวเองยอมรับว่ายังมองไม่เห็นและไม่เข้าใจการทำธุรกิจของ KK จึงคิดว่าเมื่อราคามาถึงระดับหนึ่ง ไม่ว่าด้วยสาเหตุใจ จะขายออกไปก่อนที่ราคาจะกลับมาต่ำอย่างในอดีตและแกว่งแคบๆ อยู่หลายสิบปี
ไม่รู้หรอกว่าการตัดสินใจและแนวคิดของผมจะถูกหรือผิดตรรกะเพียงใด อย่างน้อยผมก็คิดแนวทางด้วยตัวเอง วางแผนด้วยตัวเอง ลงทุนด้วยตัวเอง ถึงตอนนี้จะยังเป็นแค่ระยะเริ่มต้น ก็ดีใจและภูมใจว่าเราคนธรรมดาคนนึงก็ทำได้ จะสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ได้เริ่มทำตามฝัน ตามใจหวัง ตามความคิดของตัวเองก็ดีแล้ว
ต่อมานี้คือบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผมได้เปิดเอาไว้ในสหรัฐฯ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 1,000 เหรียญ
ทีแรกผมตั้งใจจะเล่นระยะสั้น เพราะมุมมองตัวเองมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ คงมีความผันผวนมากกว่าตลาดหุ้นไทยอย่างแน่นอน คงทำกำไรจากการเล่นระยะสั้นได้ไม่ยาก
แต่ความจริง และมันก็เป็นสัจธรรมที่ว่า ไม่มีใครรวยจากหุ้นเพียงชั่วระยะเวลาข้ามคืนได้ หรือที่นิยมเรียนในภาษาอังกฤษว่า overnight success มันเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ผมได้ซื้อหุ้นของ JP Morgan (JPM) ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมมองว่า Chase Bank นั้นมีสาขาเกิดขึ้นมากมายในเมืองชิคาโก ที่ผมได้มีโอกาสมาอาศัยอยู่ข่วงระยะเวลาหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น ผมใช้ประสบการณ์ผมเองที่เจอมา โดยดูจากการการบริการ ซึ่งบัตรเดบิตของธนาคารนี้ของผมโดนใครไม่รู้นำไปใช้ที่เมืองเมืองหนึ่งในประเทศ Mexico หลายร้อยเหรียญ ผมรีบแจ้งธนาคาร และทางธนาคารก็ตรวจสอบและนำเงินคืนมาให้ผมได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น จากการทำธุรกรรมกับทางธนาคารหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ก็มีความสะดวกรวดเร็ว มีความเอาใจใส่เป็นกันเอง ไม่เกี่ยงว่าลูกค้าเป็นสัญชาติไหนหรือเป็นใครมาจากไหน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็รู้ดีว่า JPM คงไม่ได้มีแต่ธุรกิจเกี่ยวกับธนาคารเพียงอย่างเดียว ช่วงก่อนหน้านี้ในรอบปี ก็มีข่าวว่าทางบริษัทในเครือ JP Morgan ได้บริหารเงินผิดพลาดเสียหายหลายพันล้านเหรียญจนถึงกับต้องยอมลาออก ไม่เพียงเท่านั้น ผมสังเกตุผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหลายๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นไทย เจอกับผู้ถือหุ้นที่ชือ CHASE NORMINEE #### มากมาย จึงเชื่อว่าบริษัทนี้คงมีพลังไม่น้อย และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ P/BV ของ JPM ตอนที่ผมื้อนั้นน้อยกว่า 1 ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจซื้อ ขณะนี้ก็ผ่านไปหนึ่งเดือน คิดสนุกๆ ขำๆ ก็คือ ถ้าขายก็มีเงินเพิ่มมาเกือบร้อยเหรียญโดยที่ไม่ต้องทำงาน ถือเป็นก้าวแรกที่พอประมาณในระดับเริ่มต้น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น